1833 เป็นเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นในวันนั้น ฝนดาวตกกว่าหมื่นดวงพาดผ่านท้องฟ้าทางตะวันออกของอเมริกาเหนือ ผู้คนต่างถูกปลุกจากหลับเพื่อมาดูสิ่งที่พวกเขาต้องตื่นตะลึงและอกสั่นขวัญแขวนกับเหล่าดาวตกมหาศาลที่ถาโถมราวกับกาลอวสานของโลกกำลังใกล้เข้ามา ภาพแกะไม้แสดงพายุฝนดาวตกปี ค. 1833 จากหนังสือ Bible Readings for the Home Circle ในปี 1879 ฝนดาวตกปี ค. 1833 ไม่ใช่จุดจบของโลกอย่างที่หวั่นกัน แต่กลับเป็นสัญญาณของจุดเริ่มวิทยาการสมัยใหม่ของความรู้เกี่ยวกับดาวตก ดาวตกจำนวนมากนี้มีทิศทางพุ่งมาจากจุดหนึ่งบริเวณส่วนหัวของกลุ่มดาวสิงโต นักดาราศาสตร์วิเคราะห์ว่าดาวตกทั้งหมดพุ่งเข้ามาในแนวขนานกันจากจุดหนึ่งในอวกาศนอกโลก เมื่อศึกษาสอบสวนกลับไปก็พบว่าเหตุการณ์เช่นนี้เคยเกิดขึ้นในยุโรปและตะวันออกกลางในเดือนเดียวกันนี้เมื่อปี ค. 1832 นอกจากนี้เมื่อปี ค. 1799 ก็มีบันทึกเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันนี้เป็นระยะเวลา 33 ปีก่อนหน้าเหตุการณ์ในยุโรป แต่ยังไม่มีใครพิสูจน์ว่ามันคืออะไร ข้อสรุปจากการค้นคว้าดังกล่าวพบว่าโลกจะโคจรเข้าไปในกลุ่มอนุภาคจำนวนมากในทุก ๆ เดือนพฤศจิกายนของทุกปี หลังจากปี ค. 1833 ก็มีความพยายามในการบันทึกจำนวนฝนดาวตกรายชั่วโมงตลอดมา และจากข้อมูลเก่า ๆ ก่อนหน้านี้ก็พบว่ามีช่วงเวลาที่ฝนดาวตกมีจำนวนน้อยลงตลอดระยะเวลา 33-34 ปี แต่ก็จะเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดสังเกตตามกำหนดการที่คาดหมายไว้ คือมีมากในปี 1866 แต่ก็ไม่เท่ากับปี 1833 ภาพแกะไม้แสดงพายุฝนดาวตกปี ค.
สำหรับข้อแนะนำในการชมฝนดาวตกนั้น ควรเป็นสถานที่ท้องฟ้ามืดสนิทไม่มีแสงไฟรบกวน จะสังเกตเห็นดาวตกมีความสว่างมาก ทั้งนี้ วิธีการชมฝนดาวตกให้สบายที่สุด ให้นอนรอชมเนื่องจากช่วงที่เกิดฝนดาวตกจุดศูนย์กลางจะอยู่เหนือท้องฟ้ากลางศรีษะพอดี ส่วนการบันทึกภาพฝนดาวตกนั้น ไม่อาจบอกได้แน่ชัดว่าควรตั้งกล้องทางทิศไหน ต้องอาศัยการเดาหรือเปิดหน้ากล้องเพื่อรอให้ดาวตกวิ่งผ่านหน้ากล้อง เนื่องจากฝนดาวตกลีโอนิดส์มีอัตราเร็วสูงมาก และกระจายทั่วท้องฟ้า
เป็นต้นไป จนถึงรุ่งเช้า
รายตอนมาใหม่ เล่ม 1 อ่านฟรี อย่ามัวรีรอ! นี่สิแม่ทัพหญิงผู้สั่นสะเทือนยุทธภพ! อีบุ๊กมาใหม่ 'Lilac Novel' ครบรสงานแปลคุณภาพ รวมกำลังภายใน จาก 'enjoybook' 10 อีบุ๊กเทรนดิ้ง นิยายแปลขายดีใน 7 วัน นิยายสุดฮอตรับเดือนเมษา อีบุ๊กเล่มเดียวจบ ฟินสบายกระเป๋า รายตอนอัปเดตล่าสุด
ศ.
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2564 เพจเฟซบุ๊ก NARIT สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ "สดร. " โพสต์ข้อความระบุว่า "ฝนดาวตกลีโอนิดส์" ที่จะตกในคืน 17 ถึงรุ่งเช้า 18 พฤศจิกายน ปีนี้ มีแสงจันทร์รบกวน ไม่สามารถสังเกตการณ์ได้ "สดร. " แจ้งว่า คืน 17 ถึงรุ่งเช้า 18 พฤศจิกายน 2564 จะเกิดปรากฏการณ์ "ฝนดาวตกลีโอนิดส์" หรือ "ฝนดาวตกกลุ่มดาวสิงโต" อัตราการตก 10 ดวง/ชั่วโมง แต่ในปีนี้ ตรงกับดวงจันทร์ข้างขึ้น 13 - 14 ค่ำ ดวงจันทร์ขึ้นจากขอบฟ้าตั้งแต่หัวค่ำ จนถึงเวลาประมาณ 04. 00 น.
นายศุภฤกษ์ คฤหานนท์ หัวหน้างานบริการวิชาการทางดาราศาสตร์ สดร.
2541-2542 เป็นปีที่น่าจับตามองมากเนื่องจากเป็นช่วงเวลาหลังจากที่ดาวหางโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดแล้ว ภาพถ่ายฝนดาวตกปี ค. 1966 โดย David McLean จากคิตต์พีก อริโซนา สหรัฐอเมริกา ดาวสว่างทางซ้ายบน คือดาวไรเจล (ภาพจากวารสาร Sky & Telescope)
ฝนดาวตกลีโอนิดส์ "ราชาแห่งฝนดาวตก" 17-18 พ. ย. นี้ ช่วงเวลาประมาณ 02. 40 น. ในช่วงวันที่ 17-18 พฤศจิกายน จะเกิดปรากฏการณ์ฝนดาวตกกลุ่มดาวสิงโต (Leonids Meteor Shower) ซึ่งถือได้ว่าเป็นอีกปรากฏการณ์ที่น่าติดตาม ในปีนี้อาจมีอุปสรรคอยู่บ้าง เนื่องจากจุดศูนย์การกระจายฝนดาวตก อยู่บริเวณหัวของสิงโต กลุ่มดาวสิงโตจะขึ้นจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออกตั้งแต่เวลาประมาณหลังเที่ยงคืน จุดศูนย์กลางการกระจายฝนดาวตกกลุ่มดาวสิงโตจะขึ้นจากขอบฟ้าในช่วงเวลาประมาณ 2. 40 น. ของคืนวันที่ 17 (รุ่งเช้าวันที่ 18). ในปีนี้ปีดวงจันทร์เสี้ยวแรม 12 ค่ำ จะขึ้นมาเหนือขอบฟ้าหลังเวลาตี 3 ทำให้ปีนี้แสงจันทร์เป็นอุปสรรคในการรอชมความสวยงามของฝนดาวตกลีโอนิดส์. ฝนดาวตกลีโอนิดส์เกิดจากสายธารเศษฝุ่นของดาวหาง 55พี เทมเพล-ทัตเทิล (55P Tempel-Tuttle) ที่ยังหลงเหลืออยู่ในวงโคจรของดาวหาง ตัดผ่านวงโคจรของโลก ทำให้เศษฝุ่นของดาวหางเหล่านั้นเสียดสีกับชั้นบรรยากาศของโลก เกิดการเผาไหม้จนเห็นเป็นแสงสว่างวาบคล้ายลูกไฟวิ่งพาดผ่านท้องฟ้า ทิศทางวงโคจรของฝนดาวตกลีโอนิดส์สวนทางกับทิศทางวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ ทำให้ความเร็วของเม็ดฝุ่นที่เข้ามาเสียดสีกับบรรยากาศโลกมีความเร็วค่อนข้างมาก โดยมีความเร็วสูงถึง 71 กิโลเมตรต่อวินาที ฝนดาวตกลีโอนิดส์ เป็นฝนดาวตกที่มีความสว่างมากที่สุด จึงได้รับการขนานนามว่า "ราชาแห่งฝนดาวตก".