หลักการจัดเก็บภาษี ในแต่ละประเทศ โลกของการทำธุรกิจในยุคปัจจุบัน ทำอะไรๆ ก็คงไม่ยากลำบากเหมือนอย่างสมัยก่อน เพราะมีการพัฒนาเทคโนโลยี การติดต่อสื่อสารที่ ง่าย สะดวก รวดเร็ว ดังนั้น การทำธุรกิจต่างๆ จึงทำได้ง่าย ลงทุนน้อย เช่น การขายของออนไลน์ผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์คต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เฟสบุค ทวิตเตอร์ ยูทูป ร้านค้าออนไลน์ หรือแอพพลิเคชั่นต่างๆ ฯลฯ หรือในอีกมุมมองหนึ่ง... กรณีที่มีการคมนาคมที่สะดวก... คนไทยสามารถเดินทางไปทำงานหรือทำธุรกิจในต่างประเทศได้ง่ายขึ้น... เช่นเดียวกัน... คนต่างประเทศก็สามารถเดินทางเข้ามาทำงานหรือทำธุรกิจในประเทศไทยโดยไม่ลำบาก... แต่!! ประเด็นสำคัญอยู่ที่... เมื่อมีการทำธุรกิจ... มีการทำงาน... หรือมีการขายสินค้า... ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการจัดเก็บภาษีครับ.... ซึ่งตามปกติรัฐบาลของแต่ละประเทศ... ก็จะมีการจัดเก็บภาษีในเขตการปกครองของตน คือ มีรายได้เกิดขึ้นในประเทศใด ก็จะเก็บภาษีในประเทศนั้น... จึงเกิดคำถามขึ้นมากมายว่า... ถ้า 1. คนไทยขายของออนไลน์ในประเทศไทย... แต่... มีลูกค้าที่ซื้อของเป็นคนต่างประเทศ... กรณีนี้ต้องเสียภาษีหรือไม่? หากต้องเสียภาษีจะเสียภาษีให้กับประเทศใด?
หลักความสะดวก ภาษีทุกชนิดควรให้ความสะดวกแก่ผู้เสียภาษี ทั้งวิธีการ เวลา และสถานที่ที่ต้องเสียภาษีเช่น สามารถยื่นแบบรายการผ่านอินเตอร์เนต สามารถชำระภาษีได้ผ่านที่ทำการไปรษณีย์ ธนาคาร หรือร้านสะดวกซื้อเป็นต้น 4. หลักความประหยัดและมีประสิทธิภาพ ภาษีอากรที่ดีต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บภาษีให้น้อยที่สุดโดยพิจารณาทั้งผู้จัดเก็บภาษีและผู้เสียภาษี 5. หลักการอำนวยรายได้ (Productivity) การ เก็บภาษีอากรจากประชาชนควรเก็บเฉพาะประเภทที่สามารถทำรายได้ได้ดีไม่ควรจัด เก็บภาษีหลายประเภทมากเกินไป การที่ภาษีอากรจะผลิตรายได้ให้มากน้อยเพียงใด นอกจากอัตราภาษีแล้วยังขึ้นอยู่กับเงื่อนไข 2 ประการคือ 1) ลักษณะของฐานภาษี ได้แก่ ฐานกว้าง คือ ภาษีอากรที่จัดเก็บครอบคลุมถึงผู้เสียภาษีอากรจำนวนมากหรือมีกิจการที่ อยู่ในข่ายต้องเสียภาษีจำนวนมาก ย่อมสามารถจัดเก็บได้มากกว่าภาษีอากรที่มีฐานแคบ 2) ขนาด ของฐานภาษี ได้แก่ การที่เก็บภาษีจากฐานที่มีขนาดใหญ่คือเก็บได้เป็นจำนวนมากจากผู้เสีย ภาษีแต่ละราย แม้ผู้เสียภาษีดังกล่าวจะมีจำนวนน้อย ก็สามารถเก็บภาษีได้มาก 6. หลักความยึดหยุ่น การเก็บภาษีอากรควรมีความยึดหยุ่นตามสภาพภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่เปลี่ยน ไป เช่นเมื่อเศรษฐกิจของประเทศดีประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นรัฐอาจเพิ่มภาษี มูลค่าเพิ่มจาก 7% เป็น 10% เป็นต้น 7.
1. ได้รับเงินได้จากแหล่งนอกประเทศไทย เนื่องจาก 2. 1. หน้าที่งานที่ทำในต่างประเทศ 2. 2. กิจการที่ทำในต่างประเทศ 2. 3. ทรัพย์สินที่ทำในต่างประเทศ 2. 2. ผู้มีเงินได้เป็นผู้อยู่ในประเทศไทยชั่วระยะเวลาหนึ่งหรือหลายระยะเวลารวมกันถึง 180 วันต่อปีปฏิทิน 2. 3. นำเงินได้ที่เกิดจากแหล่งนอกประเทศไทยเข้ามาในประเทศในปีที่ได้รับเงินดังกล่าว
กฎหมายภาษีอากร หมายถึง กฎหมายเกี่ยวกับการจัดหารายได้ให้กับรัฐโดยใช้ภาษีอากรเป็นเครื่องมือในการจัดเก็บ ภาษีอากรเป็นสิ่งที่รัฐบังคับจัดเก็บจากประชาชนเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ส่วนรวม ภาษีที่เก็บโดยส่วนกลาง 1. ภาษีที่เก็บโดยกระทรวงการคลัง 2. ภาษีที่เก็บโดยกระทรวงอื่น ต่อไปนี้ จะนำเสนอเฉพาะกฎหมายภาษีอากรที่น่ารู้ ได้แก่ 1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คือ ภาษีที่จัดเก็บจากบุคคลทั่วไปที่มีเงินได้ตั้งแต่ 150, 001 บาทขึ้นไป โดยที่บุคคลนั้นอาจมีสถานภาพอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (1) บุคคลธรรมดา (2) ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล (3) ผู้ถึงแก่ความตายระหว่างปีภาษี (4) กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง 2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล เป็นภาษีอากรที่จัดเก็บจากเงินได้ของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ดังต่อไปนี้ (1) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย (2) บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายระต่างประเทศ (3) กิจการซึ่งเป็นการค้าหรือการหากำไรในประเทศไทยที่ดำเนินการ (4) กิจการที่ร่วมทุนกันค้าหรือหากำไรระหว่างนิติบุคคลต่อไปนี้ (5) มูลนิธิหรือสมาคมที่ประกอบกิจการซึ่งมีรายได้ 3. ภาษีมูลค่าเพิ่ม เป็นภาษีที่จัดเก็บจากผู้ประกอบการที่ขายสินค้าหรือให้บริการในทางธุรกิจ อย่างไรก็ตามกฎหมายได้กำหนดให้มีกิจการบางประเภทที่ไม่ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น (1) การขายพืชผลทางการเกษตรภายในประเทศ (2) การขายสัตว์ที่มีชีวิตหรือไม่มีชีวิตภายในประเทศ (3) การขายปุ๋ย การขายอาหารสัตว์ (4) การขายหนังสือพิมพ์ นิตยสาร (5) การขายฉลากกินแบ่งรัฐบาล 4.
ในช่วงเวลาการยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีภาษี 2556 ที่กำหนดให้ผู้มีเงินได้ที่มีเงินได้พึงประเมินถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดต้องยื่นแบบแสดงรายการเงินได้และคำนวณภาษีพร้อมทั้งชำระภายในวันที่ 31 มีนาคม 2557 จึงขอนำประเด็นหลักการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามาเป็นประเด็นปุจฉา - วิสัชนา ดังนี้ครับ ปุจฉา ขอให้ทบทวนหลักการทั่วไปเกี่ยวกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาว่า กำหนดไว้อย่างไร วิสัชนา มีหลักการทั่วไปในการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาดังต่อไปนี้ 1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นภาษีที่จัดเก็บจากฐานรายได้ของผู้มีเงินได้ที่เป็นบุคคลธรรมดาและหน่วยทางภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่ว่าจะเป็นเงินได้เนื่องจากหน้าที่งานที่ทำ หรือเนื่องจากกิจการที่ทำ หรือเนื่องจากทรัพย์สิน โดยจัดเก็บจากเงินได้พึงประเมินทุกประเภท เว้นแต่จะมีกฎหมายกำหนดยกเว้นไว้เป็นกรณีพิเศษ เพื่อการบรรเทาภาระภาษีแก่ผู้มีเงินได้นั้น 2. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นภาษีที่จัดเก็บจากฐานเงินได้พึงประเมิน ทั้งจากแหล่งเงินได้ในประเทศ และแหล่งเงินได้ในต่างประเทศ โดยนำมาบัญญัติเป็นหลักการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตามมาตรา 41 แห่งประมวลรัษฎากร 3. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เป็นภาษีทางตรง (Direct Tax) ซึ่งผู้มีหน้าที่เสียภาษีต้องรับ ภาระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาไว้เองทั้งสิ้น ไม่สามารถผลักภาระภาษีไปยังบุคคลอื่น โดยเฉพาะในการคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากเงินได้สุทธิอันเป็นเครื่องวัดความสามารถของผู้มีเงินได้ นั้น หากผู้มีเงินได้เลือกหักค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและสมควร หรือค่าใช้จ่ายจริงผู้มีเงินได้จะนำค่าภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ต้องชำระมาถือเป็นรายจ่ายในการคำนวณเงินได้สุทธิไม่ได้ 4.